ReadyPlanet.com
dot dot
bulletซอกมาเว้าสู่ฟัง




ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก

 

  

 

  

 

 ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก    อำเภอมหาชนะชัย   จังหวัดยโสธร

ประวัติบุญมาลัยข้าวตอก

         เนื้อความในพระไตรปิฎกส่วนที่ว่าด้วยพระสุตตันตปิฎก บทปรินิพพานสูตร กล่าวคือ ดอกมณฑารพ

 ซึ่งเป็นดอกไม้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีความสวยงามและมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เมื่อถึงกาลเวลาที่ดอกมณฑารพจะบาน และร่วงหล่นก็ด้วยเหตุการณ์สำคัญๆ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน จารุรงคสันนิบาต และทรงแสดงธรรมจักรกัปวัตนสูตร ดอกมณฑารพจึงได้ร่วงหล่นลงมายังโลกมนุษย์ ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันปรินิพพาน ดอกมณฑารพนี้ก็ได้ร่วงหล่นลงมาทั้งก้านและกิ่ง เปรียบเสมือนความเสียอกเสียใจพิไรรำพันต่อการเสด็จดับขันปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหล่าพระภิกษุผู้ได้ชื่อว่าอรหันตขีนาสพและหมู่เหล่าข้าราชการบริพารประชาชนทั้งหลายได้พากันมาถวายสักการะพระบรมศพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้พากันนำเอาข้าวตอกมาสักการบูชา เพราะถือว่าข้าว เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นของสูงที่มนุษย์จะขาดไม่ได้และต่อมามีการนำมา ประดิษฐ์ตกแต่งเป็นมาลัยที่สวยงาม เป็นที่มาของ “มาลัยข้าวตอก” ประเพณีหนึ่งเดียวในโลก ที่อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร

     ระยะเวลาการแห่พวงมาลัยอำเภอมหาชนะชัย จะมีการแห่พวงมาลัย ๒ ครั้ง คือ

            1. วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ก่อนวันมาฆบูชา ๑ วัน โดยแห่ไปทอดถวาย ณ วัดหอก่อง

                  2. วัดฟ้าหยาดจะทำพร้อม ๆ กับบุญ ประจำปี หรือบุญกุ้มข้าวใหญ่ รวมถึงบุญคูณลานให้เสร็จพร้อมกันทีเดียว อยู่ช่วงประมาณเดือนยี่หรือเดือนสอง

 

ประเภทของพวงมาลัยพวงมาลัยของชาวอำเภอมหาชนะชัยมี ๒ แบบ คือ

         1. พวงมาลัยข้าวตอกแตก วัสดุที่ทำประกอบด้วยข้าวตอกแตกเป็นหลัก ข้าวตอกแตก คือ ข้าวเปลือกที่คั่วให้ข้าวแตกออกจากเปลือกด้วยความร้อนจากไฟ จะคล้ายกับข้าวโพดคั่ว

 

                2. พวงมาลัยแบบเส้นด้าย เป็นพวงมาลัยที่ทำด้วยเส้นฝ้ายเป็นหลัก

          เนื้อความในพระไตรปิฎกส่วนที่ว่าด้วยพระสุตตันตปิฎกบทปรินิพพานสูตรกล่าวคือ  ดอกมณฑารพ  ซึ่งเป็นดอกไม้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  มีความสวยงาม  และมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ  เมื่อถึงกาลเวลาที่ดอกมณฑารพจะบาน  และร่วมหล่นก็ด้วยเหตุการณ์สำคัญๆ คือ  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูตร  ตรัสรู้  ปรินิพพาน  จาตุรงคสันนิบาต  และทรงแสดงพระธรรมมจักรกัปวัฒนสูตร  ดอกมณฑารพจึงได้ร่วงหล่นลมมายังโลกมนุษย์  ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันปรินิพพาน  ที่เมืองกุสินารา  ดอกมณฑารพนี้ได้ร่วมหล่นลงมาทั้งก้านและกิ่ง  เปรียบเหมือนความเสียอกเสียใจพิไรรำพันต่อการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารวมถึงเหล่าพระภิกษุผู้ได้ชื่อว่าอรหันตขีนาสพทั้งหลายด้วย  ข่าวการเสด็จดับขันธ์ปรินิพานได้แพร่ขยายออกไปในหมู่เหล่าข้าราชปริพารประชาชนทั้งหลายได้พากันมาถวายสักการะพระบรมศพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

  ด้วยความซาบซึ้งในพระปัญญาธิคุณ  พระกรุณาธิคุณ  และพระบริสุทธิคุณ  อีกทั้งยังได้พากันเก็บเอาดอกมณฑารพที่ร่วงหล่นลงมาเพื่อไปสักการะ และรำลึกถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปดอกมณฑารพที่เก็บมาสักการะบูชาเริ่มเหี่ยวแห้งและหมดไป  เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ  พระกรุณาธิคุณ  และพระบริสุทธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  รวมทั้งเหตุการณ์ในวันสำคัญต่างๆ จึงได้พากันนำเอาข้าวตอกมาสักการะบูชา  เพราะถือว่าข้าวเป็นสิ่งมีคุณค่า  และเป็นของสูงที่มนุษย์จะขาดไม่ได้

 

                  การจัดข้าวตอกดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชามีจุดเริ่มต้นเมื่อไหร่นั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด  แต่เชื่อกันว่า แรกๆ จะใส่พานไว้โปรยเวลาพระสงฆ์เทศนา  ต่อมาจึงมีการนำมาประดิษฐ์ตกแต่งที่เห็นว่าสวยงาม

 

วิธีการร้อยมาลัยข้าวตอก

                  พวงมาลัยข้าวตอกแตก  จะร้อยต่อดอกแบบอุบะ  โดยมีความยาวอยู่ 3 ขนาด  เราเรียกขั้นตอนนี้ว่า  ทำสายพวงมาลัย  จำนวนสายมากน้อย  เล็กหรือใหญ่  ตามแต่ศรัทธากำลังความสามารถของผู้ทำสายมาลัย  จะผูกนำมามัดใส่กรงที่ทำด้วยไม้เป็นรูปสามเหลี่ยมสองอันผูกไขว้กัน  ซึ่งจะทำให้เกิดมุมดังนี้

                                        -มุมนอก 6 มุม  จะมัดสายมาลัยที่สั้นที่สุด  มุมละ 5-9  สาย

                                        -มุมใน    6 มุม  จะมัดสายมาลัยที่ยาวขนาดกลาง  มุมละ 5-9 สาย

                                        -ตรงกลาง        จะทำเป็นพวงใหญ่  และยาวที่สุดสายเดียว  จะมัดโยงมาจาก                                                                    ไม้ที่ใช้ห้อยพวงมาลัยแห่

                   พวงมาลัยเส้นด้าย  ก็จะนำฝ้ายที่ทีเป็นเส้นด้าย  เป็นติ้ว (ไจ, ไน หรือ ปอย) แล้วมาตกแต่งใ่ส่กรงไม้เหมือนพวงมาลัยข้าวตอกแตก  จะมีมุมนอก มุมใน  และตรงกลางสายมาลัยข้าวตอกแตก  หรือมาลัยฝ้าย   เมื่อมัดใส่กรงไม้แล้วก็จะนำมาประดับตกแต่ง  ดังนี้

                                1.  ตกแต่งเป็นลวดลาย  เช่น  ลวดลายตาข่าย  ลายเกล็ด  ลายก้านสามดอก  ลายกระเบื้อง  ลายก้านสี่ดอก  ลายดาวกระจาย  ลายแก้วชิงดวง  ลายแมงมุม  ลายดาวล้อมเดือน  และลายมิมานแปลง  ตามแต่ฝีมือและความรู้ความชำนาญ

                                2.  ตกแต่งด้วยดอกไม้ประดิษฐ์  ทำเป็นดอกไม้  พู่  พุ่ม  หรือสีสันของการประดิษฐ์งานฝีมือ

 

 

                   มาลัยที่ทำเสร็จแล้วจะถูกนำไปแห่ในวันเวลาที่นัดหมายกันไว้เป็นประจำทุกปี  คือ  แห่ไปถวายวัดฟ้าหยาดช่วงจัดงานบุญประจำปี (บุญกุ้มข้าวใหญ่) บุญคูณลาน  และบุญพวงมาลัย  ซึ่งจัดทำพร้อมกันช่วงเดือนยี่ (เดือนสอง) และแห่ไปถวายวัดหอก่อง  ในวันขึ้นสิบสี่ค่ำ  เดือนสาม  ก่อนวันมาฆะบูชาหนึ่งวัน  ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของมาลัย  จึงนำมาลัยของตนเองมารวมกันยังที่นัดหมาย  มีขบวนกลองยาวช่วยเพิ่มสีสัน  พวงมาลัยจะถูกยกให้สุงจากพื้นดินด้วยลำไม้ไผ่  เพราะเชื่อกันว่าสิ่งของที่เป็นพุทธบูชานั้นเป็นของสูงค่า  ในขบวนแห่นอกจากพวงมาลัยข้าวตอกแตกและพวงมาลัยเส้นฝ้ายแล้ว  ยังมีพานพุ่มที่จัดเป็นพุ่มเงินพุ่มทอง  และพุ่มดอกไม้ที่จัดประดับตกแ่ต่งด้วยเงิน  สิ่งของและปัจจัยไทยทานตามแต่กำลังศรัทธาของบุคคล

         







Copyright © 2010 All Rights Reserved.