คำสูตรขวัญคู่บ่าวสาวในพิธีแต่งงาน
ตามประเพณีอีสาน
เมื่อหนุ่มสาวพอใจรักใคร่ตกลงปลงใจที่จะร่วมเริ่มชีวิตคู่ ตามประเพณีอีสานฝ่ายชายก็จะให้เถ้าแก่ไปสู่ขอกับเถ้าแก่ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงตกลงเรื่องสินสอดทองมั่นและตกลงในวันจัดงานแต่งงานให้คู่บ่าวสาว ซึ่งเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ก่อร่างสร้างครอบครัวใหม่ ซึ่งการจัดงานแต่งงานก็มีจุดประสงค์ที่สำคัญก็คือเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับคู่บ่าวสาว เป็นการอบรมสั่งสอน และเป็นการแนะนำให้คู่บ่าวได้รู้จักกับญาติพี่น้องของแต่ฝ่ายเพื่อจะได้รู้ว่ามีความเกี่ยวดองเป็นญาติพี่น้อง ตลอดจนเป็นการอบรมสั่งสอนให้ข้อคิดกับคู่บ่าวให้รู้จักแนวปฏิบัติตนเกี่ยวกับการดำรงชีวิตคู่เพื่อให้มีความมั่นคงในชีวิตไม่ให้มีการหย่าร้าง ซึ่งหากเกิดขึ้นก็จะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม
พอตกลงกำหนดวันได้เรียบร้อยพอถึงวันงานก็จะเชิญญาติพี่น้องมาร่วมงาน มีการเลี้ยงต้อนรับญาติและพิธีที่ถือว่าสำคัญก็คือพิธีสู่ขวัญหรือพิธีบายศรีให้กับคู่บ่าวสาว ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็จะมีก็จะทำพานบายศรี ที่เรียกว่า “พาขวัญ” เจ้าบ่าวก็จะทำพานบายศรีและทำพิธีสู่ขวัญที่บ้านของตนเองก่อนซึ่งเรียกกันว่าสู่ขวัญน้อย ซึ่งมีจุดประสงค์ก็คือญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวจะได้แนะนำพิธีการดำรงตนให้มีภาวะผู้นำเพราะจะไปเป็นผู้นำของครอบครัวจะต้องแยกครอบครัวออกจากพ่อแม่ของตนไปอยู่กับฝ่ายภรรยา และเป็นครอบครัวของตนเองในที่สุดซึ่งถือว่าฝ่ายชายเป็นหลักของครอบครัวจึงมีการอบรมสั่งสอนเพื่อเตรียมกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ส่วนฝ่ายหญิงจะไม่มีการสู่ขวัญน้อยจะรอสู่ขวัญพร้อมกับเจ้าบ่าวที่จะแห่นำเจ้าบ่าวมาบ้านเจ้าสาว พอถึงบ้านเจ้าสาวญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวก็จะนำฝ้ายไปคล้องข้อมือซึ่งเป็นการรับขวัญเข้ามาในบ้านของเจ้าสาวซึ่งได้เตรียมสถานที่ไว้เพื่อจะทำพิธีสู่ขวัญซึ่งจะมีพาขวัญวางไว้รอและมีญาติผู้ใหญ่ของเจ้าบ่าวเตรียมรอรับอยู่
พอนำเจ้าบ่าวมาถึงก็จะนำพาขวัญฝ่ายเจ้ามาตั้งเคียงคู่กัน จากนั้นฝ่ายญาติผู้ใหญ่ของเจ้าบ่าวก็จะนำเอาฝ้ายไปผูกข้อมือเจ้าสาวซึ่งจะรออยู่ในห้องหอที่เตรียมไว้ให้กับคู่บ่าวสาวนั่นเอง ซึ่งชาวอีสานเรียกห้องนี้ว่า “ส่วม” ออกมานั่งเคียงคู่กับเจ้าบ่าว ฝ่ายญาติของฝ่ายชายก็จะนำขันดอกไม้ ขันหมาก ขันเงินสินสอดเข้าไปมอบให้กับเจ้าโคตรก็คือญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง เพื่อตรวจนับให้เป็นไปตามข้อตกลงกันเอาไว้ เมื่อเจ้าโคตรฝ่ายหญิงตรวจนับเห็นว่าเรียบร้อยดีทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลง บางแห่งก็จะมีการให้เจ้าบ่าวสวมสร้อยคอสวมแหวนให้กับเจ้าสาว ส่วนเงินสินสอดนั้นเจ้าโคตรเมื่อตรวจเสร็จก็จะมอบให้กับแม่ของเจ้าสาวให้นำไปเก็บไว้ก่อนที่จะนำคู่บ่าวสาวเข้าพิธีการสู่ขวัญซึ่งจะเป็นหน้าที่ของหมอสูตรขวัญที่เรียกว่า”พราหมณ์”เพื่อกระทำพิธีในลำดับต่อไป ส่วนจะให้คู่บ่าวสาวนั่งหันหน้าไปทางทิศใดนั้นแล้วฤกษ์ยามที่พราหมณ์เป็นผู้กำหนด เมื่อเจ้าบ่าวคู่เจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวเข้านั่งเคียงคู่กันหันหน้าเข้าพาขวัญหมอสูตรขวัญก็จะเริ่มพิธีกรรม มีการจุดเทียน กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย ตามขั้นตอนของแต่ละท้องถิ่นและสุดท้ายก็จะมีการสูตรขวัญให้กับคู่บ่าวสาว
หลังจากนั้นก็จะพิธีผูกแขนให้กับคู่บ่าวสาวโดยพราหมณ์จะเป็นคนผูกแขนคู่บ่าวสาวให้ก่อนคนอื่นๆและพิธีการป้อนไข่ของคู่บ่าวสาวตามด้วยมีพิธีขอขมาหรทอสมมาญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าสาวเพื่อเป็นการแนะนำให้เจ้าบ่าวได้รู้จักญาติพี่น้อง ต่อจากนั้นก็จะมีญาติผู้ใหญ่นำคู่บ่าวสาวเข้าสู่ห้องหอลำดับต่อไป
คำสูตรขวัญ (ออกเสียงทำนองอีสานในการร่าย)
ศรีศรีสิทธิพระพร บวรวิเศษ อดุลเดชเตโช อาวาหะวิวาโห มหาชโยมังคลาดิเรก อเนกด้วยราศี วันนี้แหม่นวันดี วันดิถีอุตตะโชค โตกอันนี้แหม่นโตกไม้จันทน์ ขันอันนี้แหม่นขันไม้แก้ว เฒ่าแก่ปูนแต่งแล้วจึงให้แต่งพาขวัญ อยู่เป็นถันสอนลอนส้ายหล้าย มีทั้งฝ้ายผูกแขน มีทั้งแหวนใสก้อย ปัดน้อยสร้องสังวาล อาหารหลายเหลือมาก สัพพะภาพพร้อมทุกอัน มีทั้งพลูพันแลหมากจีบ พร้าวรางฮีบเดาดา มาลาหอมฮ่วงเฮ้า เหล้าก้องน้อยใส่พาขวัญ ส่อยกันมามวลเต้า ข้าวต้มก้วยบาศรี มีทั้งไข่หน่วยดีเกลี้ยงปลอด พระยอดไท้ราชา พระองค์เสด็จมาแต่เมืองฟ้า มาก่อหน้าชื่อขุนศรี ขุนพันโฉมศรีงามสะอาด
เผิ่นจึ่งมีราชอาญา ประกาศิตพระพรบวรวิเศษ อดิเรกเตโชว่าชะยะตุภะวัง ชะยะมังคะลังดังนี้เป็นเค้า ปรากฏเค้าเป็นปี สมฤทธีชัยยะโชค ยศะโยศเป็นหมิ่งเมียขวัญ ตามกระบวนโบราณแต่งไว้ ขันดอกไม้ยอขึ้นเพียงตา ขันสมมาลุงตาเจ้าโคตร โผดใส่ไว้เงินขาว ลูกสาวกกสาวกลางแลสาวหล้า เผิ่นคาดว่ามวลมีมากบ่ยากแค้นดีหลี ปุนแปลงดีพ่อแม่ ทั้งเฒ่าแก่และตายาย ฝนฮวยฮำปีใหม่ ฟ้าฮ้องฮ่ำเดือนสาม ฝูงบ่าวฮามมาโฮมนางงามค่ากว้าง บ่ให้ฮ้างเป็นสอง ขอเป็นดองฮักหยิ่ง ลูกแก้วกิ่งยังประสงค์ ฝูงวงศาตายายเบื้อปู่ เจ้าฮู้แล้วตกแต่งปุนแปลง แพงคำฮักลูกแก้ว ปุนแต่งแล้วจึ่งยอมา มีทั้งหมากอัมพาฮ่วงเฮ้า เครื่องฮับเจ้าเหลือหลาย ทั้งตายายแม่พ่อ เฒ่าแก่พร้อมสวาวบ่าวนงฮาม มาส่อยยอยพาขวัญเบื้อซ้ายอยู่ลีเลียน เวียนซ้ายแลเวียนขวา นั้นแหม่นซายโถงแจกเหล้า ฝูงผู้เฒ่านั่งอยู่ทางบน บัดนี้ข้าจักเชิญเอาขวัญยัวเจ้า ให้มาเข้าเนื้อมาอยู่เอื้อในคีง ขวัญจักเชิญเอาขวัญนางงามให้เข้มาเทียมคู่ ทั้งขวัญเจ้าผู้เป็นผัว มาเยอขวัญเอย......(ทุกคนในพิเรียกเรียกขวัยพร้อมกันว่า “มาเด้อขวัญเอย” คนเฒ่าคนแก่คนนหึ่งนำฝ้ายออกมาจากพาขวัญนำไปวางพาดที่แขนคู่บาวสาวและเพื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่อยู่ในพาขวัญโดยใช้มือขวาจับพาขวัญ) ..... ให้เจ้าเชชมขวัญคู่แก้ว มาฮอดแล้วทัดดอกขุมพูม บานจูมแหม่นดอกคัดเค้า ทัดดอกไม้เข้ากล่อมตา เกศางามตั้งไหล่ เทียมท้าวใหม่วันดี ขวัญโฉมศรีสองเจ้าขอให้มาอยู่เต้าในคีง มื้อนี้วันนี้ ขวัญแข่งมาอยู่แข่งลีลา ขวัญขาให้เข้ามาอยู่ขาลีล้าย
เจ้าอยู่ค่ายไสยา ยามคนมาหาญห้าว แหนแห่ท้าวบาคาน ในวันวาระชมชื่น แห่เจ้าขึ้นหานาง ตีนหัวหางครุฑนาค หลาวเหล็กหลากผีหลวง ในคลองคุณกล่าวไว้ ที่นั่งให้สมควร บรบวรณ์นำแต่งไว้ แปงให้เป็นคู่มานำลูกแก้ว พ่อเฒ่าแก่เข้าผูกแล้วให้เป็นคู่เทียมสอง ให้เจ้าปุนปองเป็นลูกพ่อ ปลูกไว้เป็นหน่อแทนเฮือน สองบุญเฮืองลูกหล้า ฮักเกิ่งหน้าเทียมกัน ข่อยจักเอิ้นเอาบาคานเข้ามาเทียมไหล่ละใหม่เนื้อผิวบาง สมนางงามอยู่ถ้า(รอ) อินทร์ฟากฟ้าปุนแปลง ให้เจ้มาถือเมียแพงเถิ่งเฒ่า ฮ้อยขวบเข้ามั่นยิ่งเทียระฆา ให้เจ้ามีบุตราหญิงชายอย่าน้อย ข้อยช่วงใช้พอแสน ของกับแนนให้เจ้ามีทุกสิ่ง ช้างม้าหมิ่งเงินคำ พระยาธรรมตนองอาจ อำนาจเดชกล้าลือชา ตามตำรากล่าวไว้ อินทร์ท้าวไท้ถวายพร เป็นคำสอนสั่งโลก โตกขันแก้วฮับพาขวัญ คือดั่งสาวสวรรค์มาตั้งแต่ง อินทร์ท้างแบ่งไกสร ดอกไม้ซอนแซมเกล้า ข้อยจักเชิญเอาขวัญเจ้าทั้งสอง มาเยอขวัญเอย (คนที่อยู่ในพิธีร้องเรียกขวัญว่า “มาเด้อขวัญเอย” คนเฒ่าคนแก่นำฝ้ายวางแขนเช่นเดิม)
ยามเมื่อตะวันคำลงลับป่าแซง ยามเมื่อตะวันแดงลงลับป่าไม้ ให้ขวัญนางมาเทียมนางอย่าช้า แม่เจ้าแอ้มถ้า(รอ)คอยหา นางธิดาบ้านเหนือมาคอยเบลิ่งหน้า เผิ้นส่าเจ้าบุญกว้างสู่ภาย ให้เจ้าเสวยงายพาขวัญแต่งไว้ ให้ได้ป้อนไข่พาขวัญเจ้าทั้งสอง ตามทำนองบูฮานแต่งไว้ หมอบอกไว้ว่ามื้อนี้วันนี้
ข้อยจักเอาสองศรีเฮียงหมอนซ้อนเสื่อ ให้เจ้าสืบเชื้อพ่อแม่แทนเฮือน เถิงวันปีเดือนฝนฮวยฮ้องฮ่ำ วันแปดค่ำให้เจ้าอยู่จำศีล สิบสี่สิบห้าค่ำให้เจ้ายินดีตักบาตร อย่าให้ขาเวลา ขวัญคิ้วให้มาอยู่คิ้วลีลา ขวัญตาให้มาอยู่ตายีแย้ม ขวัญแก้มแลขวัญคาง ขวัญแอวบางขวัญนมพร่ำพร้อม ขอให้มานั่งอ้อมอยู่พาขวัญ มาเยอขวัญเอย ( คนที่ร่วมพิธีร้องเรียกขวัญพร้อมกันเหมือนที่ผ่านมา คนที่นำฝ้ายพาดแขนก็ทำเหมือนเดิม) มื้อนี้แหม่นมื้อดี วันนี้แหม่นวันเฮ้า ผู้เฒ่าเกิดเป็นสาว ก็ว่ามื้อนี้วันนี้ นอนหลับได้เงินหมื่น ก็ว่ามื้อนี้วันนี้ นอนตื่นได้เงินแสน ก็ว่ามื้อนี้วันนี้ แขนท้าวก่ายแขนนาง ก็ว่ามื้อนี้วันนี้ ข้าวเต็มฉางล้นขื่อ ก็ว่ามื้อนี้วันนี้ สามวันให้แก้วมงคลมาถ้า(รอ) เจ้าเนอ ห้ามื้อให้เสื้อผ้าแผ่นผืนคำ มาหาเจ้าเนอ ทั้งสองโสภสจงอยู่สุขสบายพร่ำพร้อม ให้เจ้าอ่อนน้อยตั้งต่อเชยชม เจ้าเป็นเขยให้เจ้าทำใจกว้าง อย่าได้กล่าวอ้างสรรพสิ่งอันใด ไล่ไก่ให้ว่าโซ ไล่หมาให้เจ้าว่าเส๊ะ ไล่ควายให้เจ้าว่าฮือ เจ้าอย่าเตะเตี่ยวซุยซายต่อหน้าเจ้าโคตร อย่าปากโพดพางาม ให้มีใจเลื่อมใสต่อนางนงคราญแก่นไท้ เจ้าเป็นลูกสะใภ้ให้ฮักแม่ผัว อย่าได้เว้านัวนัวขวัญผัวเชิงชู้ เจ้าผู้ฮู้นักปราชญ์?ฟังธรรม เถิงคราวแลงอย่าได้เถี่ยวเล่นยามค่ำ เฮือนหลังต่ำนั่นแหม่นฮ์อนอาว ชายคาสูงหลังใหญ่ คอนถอดใส่ป้านลมหลังกลมนั้นแหม่นเฮือนพ่อ เกยหลังต่อหลังสูง นั้นแหม่นเฮือนลุงเฮือนป้า หลังหน้ากว้างดั้งใส่แขนนางลายลวงกลางฮูปนาค แป้นพื้นฮาบมุงดินขอ มีหอเย็นหลังสูงพร้อมพาด โฮงม้าอาดแขวนหิ่งอาชาไนย ไหในเฮือนแอ่งน้ำบ่แก้ว หลังนั้นแหล่วพ่อแม่มอบให้ลูกทั้งสอง ให้เจ้าปุนปองกินทานอย่าไฮ้ ให้เจ้าสืบส้างยิ่งเทียระฆา ได้กินซิ้นให้ส่งฮือนอา ได้กินปลาให้ส่งเฮือนย่า คุณย่าเผิ่นส่งเจ้าบุญกว้างสู่ภาย มีลูกชายให้ได้ผู้ประเสริฐ ให้เจ้าได้ลูกแก้วเกิดฮ่วมอุทร ให้เจ้าฟังคำสอนตายายพ่อแม่ ให้เจ้าแผ่กว้างพี่น้องวงศา ตาเบื้อซ้ายเจ้าอย่าหล่ำดูชาย ตาเบื้องขวาเจ้าอย่าแลดูชู้ เถิงยามแลงให้เจ้าหาพาข้าว เถิงยามเช้าให้เจ้าแต่งพางาย อย่าได้นอนหลับดื่นสายผิดฮีต ให้เจ้าจีบหมากไว้พร้อมกอกยาพัน เจ้ามีผัวให้ถิ้มใจเก่า เหล้าไฮน้อยให้ยายไพร่ เหล้าไฮใหญ่ให้ยายขุน มื้อมุงคลของเจ้านางแก้ว หมอกล่างแล้วซ้ำตื่มอวยพร เป็นคำสอนพระอินทร์สั่งโลก เจ้ามีโชคแล้วให้เจ้าค่อยเพียรเอา มาเยอขวัญเอย....(คนในพิธีปฏิบัติเหมือนเดิม เรียกขวัญพร้อมกัน) ขวัญผัวให้มาชมเมียนีหน่ำ เถิงยามค่ำให้เจ้าเข้าบ่อนนอน หัวเคียงหมอนให้เจ้าฮักห่อ ให้เจ้าตั้งใจต่อกระทำความดี ความสุขมีเพียงพอบ่น้อย แลงค่ำค้อยจงอยู่สวัสดี ก็ข้าเทอญ ชะยะตุ ภะวัง ชะยะมังคะลัง ชะยะมหามุงคุล จัตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ
คำสูตรขวัญน้อย
การสู่ขวัญน้อยเป็นการสู่ขวัญให้กับเจ้าบ่าวที่บ้านของเจ้าบ่าว ก่อนที่จะแห่เจ้าบ่าวยังบ้านเจ้าสาวเพื่อทำพิธีสู่ขวัญร่วมกันระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่อไป
คำสูตรขวัญ
ศรีศรีสวันนี้เป็นวันดี วันนี้วันดิถีอมุตตมะโชค โตกอันนี้แหม่นโตกไม้จันทน์ ขันอันนี้แหม่นขันไม้แก้ว ขุนนางเผิ่นตกแต่งแล้ว จึงให้ข้อยยกมาเอาขวัญว่า เอหิ ตาตะ ปิยะ ปุตตะ ปูเรถะ ปาระมิง หะทะยัง เม ภิสัญเจถะ กะโรถะ วะจะนัง มะมะ อาคัจฉาหิ ดังนี้เป็นเค้า ขวัยเจ้าเข้ามาวันนี้
ข้จักเว้าภาคพื้นดารา แต่คราวแม่ถทอพาปฏิสนธิฮ่วมห้อง ลงสู่ท้องแม่มารดา ครั้นนานมาได้สืบเดือนล่วงล้ำ แม่เจ้าซ้ำสะเทือนว่าเจ็บปวดท้อง ฝูงพี่น้แองจึ่งได้แล่นมาหา ทังตายายเผิ่นกะขึ้นมาหล่ำ แม่แจ่มเจ็บอยู่ฮีฮักฮีฮ่อน นอนแล้วซ้ำพัดลุก แม่เจ้าก็เจ็บซีซุกซีเซื่อม ฮ้องไห้แล้วกลิ้งเกลือกไปมา เหมือนดังชีวาจักขาด เป็นดังจักมรณาตายไป แม่เจ้าทนบ่ได้ จึงม่อยไปหน่อยหนึ่ง บ่มีนานแม่เจ้าประสูติเจ้าหม้มอุทร แหม่นผู้หญิงเจ้าก็นอนหงาย แหม่นผู้ชายเจ้าก็นอนคว่ำ แม่เจ้าซ้ำเป็นบ้าอยู่งมงัว บางผ่องมือควาหาสายแห่ บ้างก็แผ่สายบือ เอามือโจมลูกล้างแล้วจึงโจมเข้าใส่ด้งกว้าง ไปผอกผีพายไปผายผีป่า นกเค้ามันฮ้องกู่หูก กูกเอาขวัญว่า กู่ฮูกกู กู่ฮูกกู ถ้าแหม่นลูกสูเอาสามื้อนี้ กลายมื้อนี้วันหน้าแหม่นลูกกู แม่เจ้าจึ่งเลี้ยงแลดู แม่เจ้าจึ่งอุ้มชูใส่อู่ แม่เจ้าจึ่ง
อยู่ในไฟ ไกวแกว่งไปมาอยู่ติ่งต้อยติ่งต้อย แม่เจ้ากินน้ำฮ้อนปากเปื่อยโพงสุก ไฟแฮ่งลุกแม่เจ้าแฮ่งหนหวย อรทวยหัวใจไกลได้ด่าป้อย ขวัญอ่อนน้อยคำหล้าอย่าได้วอน เจ้าจึ่งนอนอยู่อู่สายฝ้าย เจ้าจึ่งยักย้ายสู่อู่สายไหม พ่อแม่ยังจงใจฮักห่อ อันนี้หากแหม่นธรรมขาติพ่อบิดาเจ้าแล้ว อันหากแหม่นธรรมชาติแม่คีงมารดาเจ้าแล้ว นมแม่เจ้าฮ้อยแม่คอยให้เต้ากินขนม ผ้าทั้งผืนแม่เจ้าห่มเจ้าไว้ เดิ้กซักไซ้เจ้าจึ่งตื่นกินนม แม่ยังชมบ่เปิด แม่กำเนิดจึงหน่ายจึงชัง เฮ็ดลังตังเขาจึ่งได้ไล่ฆ่าเจ้ามาแล้ว
บัดนี้ จึ่งได้มาเกิดเป็นลูกแก้ว เจ้าพ่อแม่บุญเฮืองทองเหลืองสีละไหม่หน้า คนเก่ากล้าแหม่นหนุมาน คนกล้าหาญแหม่นสังคีพ ให้มาคูณมายอเจ้าเดอ ให้ฮีบนำเอาขวัญมาอย่าได้เที่ยว พ่อแม่เจ้ายังเหนี่ยววอนหา ทั้งตายายและปู่ย่า พร้อมกันเอิ้นซีซว่าเอาขวัญ ว่า เอหิ ขวัยเจ้าจงมา ตาตะ ดูราลูกฮักแม่ อัชชะในวันนี้แหม่นวันดี วันมีศรีเค้าครึ่น เป็นวันหลื่นผาบแพ้ศัตรู หมอฮูฮาว่าสเป็นวันโชค วันหายโศกสัพพะโรคา ขวัญจงมาเจริญศรีสมบัติ ตราบต่อเท่าเถิงชั่วชีวัน พุ้นเยอ .....ฝนตกเจ้าอย่าได้กืนน้ำฮอยกระฮอก แดดออกเจ้าอย่าได้กินน้ำฮอยงัวฮอยควย(ควาย) พ่อแม่เจ้ายังขวนขวายมักใคร่ ใหญ่มาแล้วพ่อแม่จักสอน ให้เจ้านอนเจ้าก็นอน พ่อแม่เจ้าสอนให้ฮู้เจ้าก็ฮู้ อย่าได้เสียแฮงแม่เจ้าเลี้ยง นอนแคงขดคีคู้ ให้เจ้าได้ฮู้ดูดกินนม คีงเจ้ากลมไผเห็นก็คอยส่อง เนื้อเจ้าผ่องไผเห็นก็อยากแยง เถิงยามแลงไผก็อยากพ้อหน้า เถิงฤดูฟ้าเฮ้าฮ้องสังขารปีใหม่มาแล้ว เดือนยี่ดอกฮังบาน ตระการงามช่วงโชติ มีทังดอกแก้วโกฏิยางหลวง ทังดอกจวงจันทร์สะภู่ ทังหมู่สารพี จำปีจำปาการเกด มีทังดอกยางเทศพร้อมอาฮวน ลำดวยทังดอกแก้ว บานบ่แล้วแหม่นดอกสามปี บานมีสีเม็งมาส สะพาดพร้อมนานา แม่เจ้าจึ่งชวนสาวฮามมาฮอดฮ้อย ฝูงหมู่บ่าวสาวส่ำน้อยแล่นอยู่แซวแซว แล้วจึ่งเอามายายเป็นแถวเป็นถ่อง เอามาใส่กระหย่องสู่ขวัญน้อย ทั้งเสื้อลายผอกผ่อยแม่เจ้าห่มเอาขวัญ ว่า เอหิ ตาตะ ปิยะ ปุตตะ อาคัจฉาหิ.....เจ้าจงมาอยู่ดีในบุรีแลปราสาท เป็นเจ้าอาจพันปี ความชั่วจงให้หนีคลาดแคล้ว หายโศกแล้วเทียระฆา ความเจ็บตาแลปวดท้อง โพพยาธิ์ข้องอย่าได้มี จงให้นอนหลับดีอยู่ในห้อง ประเทศท้องที่เฮือนซาน ในเบิกบานเท่าเฒ่า ตราบต่อเท่าเถิงพันปี สมบัติหลั่งไหลเข้า ให้เจ้ามีเฮิอนซาน แปลงสถานใหญ่กว้าง ทั้งปวงญาติมาโฮม ซื่นซมแซวเสียงหม่วน เจ้าอย่าด่วนนอนใจ ทำอันได๋ให้คึดฮ่ำ หน่ำหน่ำพร้อมพิจารณ์ศีลทานทำอย่าขาด ตักบาตรพร้อมจังหัน เถิงวันศีลให้ฮ่ำฮู้ ให้อุตส่ห์สู่หมั่นภาวนา จัตตาโรธัมมา วุฒิธรรมทั้งสี่ประการ คือ ยวัณณะสุขะพละ ขอให้อายุโสดยืยยาว วัณณะพราวผิวผ่อง สีเนื้อค่องเหลือหลาย มีความสุขสบายบ่เศร้า พละเข้ากำลังแฮง ความแข็งแฮงอย่าแก่เฒ่า ตราบต่อเท่าชั่วชีวา พันวัสสาเฮือฮอด ญาณยอดแก้วไตรสิกขา อโรคาเฮืองฮาบ ผายผาบแพ้(ชนะ)หมู่มายา ขอให้มียศบรรดาศักดิ์อันล้ำเลิศ สมบัติเกิดอนันตัง สักโกสักยังองอาจ อย่าคลาดแคล้วราศี จงให้อย่สวัสดีเถิงเฒ่า ตราบต่อเท่านีรพานเป็นสถานอันวิเศษ ด้วยเดชพระรัตนตนัย สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ สทาโสถตี ภวันตุเต .ฯ
คัดจาก ประมวลคำสู่ขวัญ รวบรวมชำระโดย พระธรรมราชานุวัตร (แก้ว อุทุมมาลา)
อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครพนม