กลอนลำ ล่อง
โอย….น้อ…ดินเอ๋ยดินสูงค้อยอีนางงอยนั่งกอดเขาคิดถ่อได๋ผัดแฮงเศร้า…เขามาสร้าง เขื่อนใส่มูนๆ….เอ้ย….
เบิดแต่ลำทางสั้นหันมาจ้าวทางล่อง ทางของเพิ่นล่องแล้วทางข่อยสิล่องมูน เหลียวไปทางเหนือพู้นเมืองพิบูลแจ้งคังข่ายมีแต่ตึกแต่ค่ายตามจ้ายตะฝั่งมูน เมืองพิบูลเป็นเมืองตั้งเจริญดีสมชื่อพิบูลอยู่ฝั่งนั้นสะพืออยู่ฝั่งนี้ดอนแก้งนั่นแบ่งกลาง
น้ำล้นท้างตามหว่างกระแสชล แลลงตามลำมูนแม่นทีบ่อมีเว้น ไปชมเล่นหัวดอนบ่อนน้ำถั่งแก่งเล็กๆน้อยๆไหลเข้าใส่คับพวง ดอนขวางคั่นติดกันแม่นดอนธาตุ น้ำฟาดไหลต่อเกี้ยวดอนเลี้ยวสิต่อลง โสงเสงถ่านกำมะถันเนานั่ง ดุจดังดวงดอกไม้นาวส้มเหว่อหวาน ทรายมูลเป็นโนนบ้านหัวดอนตาลใต้คันไฮ่ ป่าไผ่แกมป่าพร้าวใจห่าวระหว่างเว โงเงเหลียวลงใต้ดอนตาดไฮมืดจุ่มกุ่มเห็นแต่น้ำฟาดตุ้มโตนตึ้งใส่ท่าเสียว เหลียวไปก้ำคันลึมทองใต้ปากบุ่งน้ำแก่งคันลึม…..มันมันหากไหลจ้าวๆ ตีเข้า….ว่าใส่กันลำพัน…เอ้ยๆๆ….นา
ลาดวารีเป็นแอวคั่นวังสะแบงเติมต่อ บ้านคันนกหออยู่ฝั่งนั่นโนนบ้านนั่นส่วนสูง แก่งตุงลุงมาขวางขั่นเหลียวหากันจนว่าเมื่อยบ้านคันเปือยอยู่ซ่ง
หล่งคันแม่นแก่งหัว งัวเงียเอิ้นหัวคันงัวเพิ่นเอิ้นว่า ปูปลามันหากหลายมากล้นคนเข่าแหว่หา ปลาใหญ่น้อยบ่ออึดอยากมีหลายกายไปทางลำโดมปากมันตกฮั่น อัศจรรย์ใจเจ้าเขามาสร้างเขื่อนปลาเลยขึ้นบ่อได้หายจ้อยละบ่อมี เต็มทีข่อยเลยหากินลำบากยากคอบปากคอบท้องอยากหลงฮ้องให้ส่วงใจ บ่อมีไผมาแก้ปัญหาเฮาเป็นเรื่องใหญ่ไผกะคงสิฮู้น้อท่าน….ท่านผู้ฟัง…ฮือๆๆๆ น้อท่าน ท่านผู้ฟังๆ…..เอ่อๆ…เอย
ขอบคุณคุณปราณี โนนจันทร์
เขียนใน GotoKnow
โดย คุณาวุฒิ ภูสิลิตร์
ใน อีสานไทยไฮโซ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก... https://www.gotoknow.org/posts/135667
กลอนลำเต้ยนิทาน-หมอลำอัมพร-หมอลำคำปุ่น
หมอลำอัมพร: สาวแม่นนางเอ๊ย ได้กินลมนี่แม่นตีต้อง ไฝทองเอ๊ยยาวแหล่วย่าว นี่กาละเกดนี่แม่นต่อนท้าว โอ้ยทรงเศร้าแม่นเก่าหมอง ได้กินลมนี่ละแม่นตีต้อง หนาวมานี่เจ้าหวั่นหวั่น คิดกระสันนี่แม่นฮอดแก้ว มลีน้อยบ่หวั่งหวั่น จังว่าสันนี่ละแม่นจอมดั้น อาชาไนยหนิแม่นซิแบ่ง เสียงลมแฮงนี่พัดขึ้นเข้า สิเลยหน้าบ่อนใด๋ โอ้ยนั่นละนาวานวลหน่า เปื้องแล้วปินธุลินเอ่ย
หมอลำคำปุ่น: โอ้ยเจ้าพี่ชายเอ้ย ก็จังว่าสมนี่ละแม่นมุติน้อง มณีจันทร์นี่น้อแม่นน้อยอ่อน คิดคะนิงนี่น้อแม่นต่อนท้าว ผัวแก้วเจ้าแม่นทาวตาย จังว่าย่อนนี่น้อแม่นตำต้องผัวนางก็แม่นดิ้นดั๊น ก็กะสันนี่น้อแม่นฮำไห่ มณีฮ้องห่วนฮวน จังว่าจนนี่น้อแม่นนางน้อย ก็มลีจันทร์สะดุ้งตื่น นี่พอว่าตื่นนี่น้อแม่นขึ่นแล้ว เห็นแก้วเจ้าแม่นมิ่งผัว มีแต่เมานี่น้อแม่นมัวไห่ คะนิงตายแม่นเสือกอุ่น บุญอีนางนี่แม่นนี่น้อย โลดผัวหล่มคาวตาย นั่นละนาหนาแก้วหนา หงส์ลอยเวียนเหินเอ่ย
หมอลำอัมพร: สาวแม่นนางเอ๊ย ขั่นแม่นจักนี่ละแม่นกล่าวเรื่องบาคานนี่กาละเกด นี่คราวเมื่อยนนี่แม่นถูกต้อง บาบ่าวแม่นท่าวตาย ตกสนมนี่ละแม่นคราวนั่น บาตายอยู่กลางห่า ฟังยนนี่แม่นถูกต้อง สิตายข่างแม่นบ่สน ขอให้หนูนี่แม่นนางน้อง มณีจันทร์นี่ละลงมาปล่อย ลงมาเบิ่งข้าแน สิตายข่างแม่นแค่ยน นั่นละนาว่านวลหน่านาเลาคิงผู้บางเอ่ย
หมอลำคำปุ่น: โอ้ยเจ้าพี่ชายเอ่ย อันนี่กรรมนี่น้อแม่นนางแล้ว มณีจันทร์ได้จาก โอ้ยผัวได้พลากกะน้อแม่น...ข่าง นางน้อยก็เลาเหิง กะจังว่าคิดแม่นสะอื้น นี่ขั่นนำผัวนี่น้อแม่นยิ่งเกลื่อน เดือนหงาย ๆ นี่น้อแม่นส่องแจ้ง ใจน้องว้าเหว่ ก็จังว่าอุกเจ้าแม่นใจเด่ ก็เซนี่ซวนแม่นล่มทาว หนาวในใจนี่น้อแม่นนี่น้อง โหลดหมองเศร้าเหงามโน นั้นหละนาว่าคำหน่า หนาเจ้าคิงบางเอ่ย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คลังกลอนลำ
https://klornlam.blogspot.com/2014/12/blog-post_23.html
กลอนลำเต้ยแย่งชู้ หมอลำอ่อนสี-หมอลำเคน-หมอลำบุญยืน
หมอแคน คำเขียน มุ่งสิน
หมอลำอ่อนสี โอ๋ย แม่นน้อนาง จังว่าการลำแย้ง แม่นชิงกันละแม่นยาดแย่ง
สองคนลำละแม่นโต้แย้ง ซิงซู้เว้าแข่งกลอน
คนนึงนั้นเรียกซื่อกะแม่นหมอเคน จังว่าคนที่สอง กะอ่อนศรีกะแม่นเป็นเพ้า
กะจังว่าคนสามนั้นกะนางบุญยืนกะแม่นเป็นซื่อ กะจื้อไว้เด้อพี่น้องที่เคยลำละแม่นยาดซู้
ผู้เส็งแย้งเจ้าแข่งกลอน นั่นละนาละนวลน่า นาผู้คิงบางเอ่ย
หมอลำเคน บุญนี่แม่นยืนเอ๊ย ให้เจ้าถือความหมั่น ให้ขันตินิเจ้าตั้งเที่ยง
นิคำนิแม่นพอเงี่ยงกะเด้ออีนางให้เจ้าค้อยคอยอ้ายแม่นผู้เดียว
จังว่าเหลียวเห็นหน้า นั่นพี่อ่อนสีนั่นเป็นลาละ ซิไปหัวซานี่ผู้จังซั่น
มาเอาข่อยผู้จังงาม นั่นละนานวลนา หนาเจ้าคิงเจ้าบางเอ๊ย หนาแม่นเจ้าคิงบางเอ่ย
หมอลำบุญยืน โอ้ละจังว่าน้อ จังว่าสาวทางลำ เปรียบเหมือนดังหอยน้อย ไพผ่านั่นแม่นปอขิน จังว่าไผซิงได้ เป็นเมียเจ้าของท่าน ละคันไผชิงกะละแม่นบ่ได้ สิเป็นซู้ซูคน นี่ละนานวลหน่า อย่าหลงหารือกันนา รักกันมาแต่ดนเอ่ย ๆ
หมอลำอ่อนสี แหล้แม่นสาวเอ๊ย จังว่าน้อง น้องสาวให้มาเอากับอ้าย ขั้นซายลำไปเป็นคู่ เอาอ่อนสีกะผู้ขี่ล่าย ไปนอนซ้อนเจ้าฮวมเตียง กะจังว่าเอากับอ้าย กะซายหมอลำเข้าก่อน สิเทิงนอนละแม่นบ่อนน้องไปนอนซ้อนฮวมกัน นี่ละนา นี่นวลหน่า นาผู้คิงบางเอ๊ย หนาผู้คิงบางเอ่ย
หมอลำเคน สาวแม่นบุญยืน ให้เจ้าลงไปหมั่นละตกลงกันกับพี่ซาไป๊ เคนสิไถหนิแม่นหอแบ่งค์ ประสงค์ตั้งแม่นแต่งดอง เอิ่นเอาพวกพี่น้อง ที่มานั่งฟังลำ มาประจำหนิเป็นล้าก แต่งดองสองก้ำ จังว่าของประจำ ละพี่ก็หามาไว้ สิเอาจำแม่นปานได๋ ให้บอกอ้ายคนซื่อ ให้มันเห็นกะละแม่นบ่อนจือ บาดสิตกหนิแม่นทอดเลี้ยงจำไว้แม่นใส่ใจ นั่นดอกละนานวลหน่า หวานในในกระตาเอ้ย หอมกลิ่นมาแต่ไกลเอ่ย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คลังกลอนลำ
https://klornlam.blogspot.com/2014/06/blog-post_5342.html
กลอนลำเพลิน
ประพันธ์โดย อ.พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา
ขับร้องโดย หมอลำฉวีวรรณ ดำเนิน
วิหกโผผินเมื่อศิลปินนั่นหกเหิน เป็นสาวลำเพลินชีวิตก้าวเกินบนทางฟ้อนรำ รักศิลปะอีสานบทเพลงพื้นบ้านน้อมนำ หมอร้องหมอลำเป็นของประจำถิ่นไทยอีสาน ฝากเสียงลอยไป สู่ทุกห้องใจแฟน ๆ ทั่วทุกดินแดน จงสุขแสนเมื่อเพลงพลิ้วผ่าน ยามฟ้อนนอนแถถูกใจแฟน ๆ ไปนา ยามตาหวาน ขอเชิญทุกท่านหวานจนอย่างตาล อย่าลืมอย่าลืมอย่าเลือน อย่าลืมอย่าเลือนเลื่อนลา เหมือนดาวรักฟ้า เหมือนปลารักน้ำทุชามอย่างราย เหมือนข้าวคู่นา เหมือนปู่รักย่าเหมือนตาคู่ยาย เหมือนหญิงคู่ชาย เหมือนตาลนั้นได้หวานเกินนั่นนา ให้คนรักกันจงได้สุขสันต์คู่สอง สุขใสหมายปองเหม่อมองสาวมาตั้งนาน เมื่อเพลงลอยมา จงเหมือนมนตราประสาน ให้รักผูกพัน ได้แต่งงานกันเป็นคู่สุขเคียง
หมอลำหมอร้อง ชีวิตเที่ยวท่องเรื่อยไป จากเหนือจดใต้ ต้องรีบฝากใจขายเสียงผ่านทุ่งท้องนาทุ่งฮ่อง (ห้อง) เคหาข้างเคียง ขับร้องจำเรียง ฝากสำเนียงคนทุ่งกล่อมหู กล่อมคนยากจนให้ความหมองหม่นเหือดหาย ผ่านความยากไร้ ชีวิตห่างหายความทุกข์ หมดหนี้หมดสิน ชีวิตมีกินนั่งนุง น้าอาป้าลุงหมายมุ่งสิ่งใดให้ได้ดั่งหวัง (ซ้ำทั้งย่อหน้า)
น้องเป็นสาวโสด อยู่เดียวเดี่ยวโดดนานมา ชายใด๋เมตตารักแท้จะขอเคียงข้าง ทำไร่ไถนาตักน้ำตักท่าน้องเก่งทุกทาง เมื่อคืนเดือนหงายประจักษ์ฟังเสียงนางจะร้องเพลงกล่อมนอน
ลำ นอน เสียงน้องอย่าหมองใจเด้อพี่ ในราตรีซำนี่เดือนแจ้งกระจ่างตา มองเบิ่งฟ้าดาวคู่เคียงเดือน เหมือนดังเฮายิ้มกันไฝ่ฝันหวานซึ่ง แสนคำนึงหละหนึ่งในดวงใจ แสนอาลัยหากไกลลับตา โอ้พี่จ๋ารักพี่คนเดียว ไม่แลเหลียวหาหนุ่มคนใด ใจของน้องหมายปองแน่นแน สิฮักเดียวฮักแท้บ่แปลปิ้นเปลี่ยนผัน ใจน้องนั้นเป็นหนึ่งบ่มีสอง ใจน้องนั้นน้องนั่นเป็นหนึ่งบ่มีสองไผสิมาปรองดอกสาวลำเพลินคนโก้ สาวลำเพลินผู้คนโก้ คนโก้เจ้าคนโก้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คลังกลอนลำ
https://klornlam.blogspot.com/2015/05/blog-post_31.html
ลำกลอนเศรษฐกิจ
โอย... ฟ้าเอ๊ยฟ้าฮ้องแล้ง เศรษฐกิจมันแพงอันแนวแบงค์บ่เป็นค่า ล่ะการครองชีพนานาซ่างมาสูงอยู่เจิ่นเทิ่น... แบงค์... ค่าบ่หลาย น้อล่ะนาย... ละหน่าม
เหลวบาดนี่ โลกคนเฮาสูมื่อนี่ก้าวเข้าสู่ความเจริญเด้อพี่น้อง เกินว่าศิวิไลซ์แฮงผู้แต่งโตโซว์ร่าง ย่างนำทางบ่เห็นหญ้าสิมาคลุมหุ้มห่อ ไผน้อมัวแต่คร้านบ่ทันบ้านดอกอื่นเขา ล่ะฟ่าวแนเด๋อฟ่าวตื่นเดิกเด้อลุกเซ้าหาข้าวใส่ในพุงเด้อพี่น้อง พยุงโตไปตามยุคเมื่อสมัยเจริญแล้ว อย่าสิมัวเมายุ่งนำตัณหามัวมืดโลภโกรธหลงจงหลีกเว้น ให้เอาถิ่มอย่าห่วงหา เด้อพ่อลุงเด้อแม่ป้าให้บอกลูกสอนหลานนี่แหล่ว ฟ่าวขวนขวายหามาเรื่องวิชาดอกความรู้ คันบ่มีความฮู้สิเอาหยังไปสู่เพิ่น สู่กับความเจริญ สู่ความเห็นแก่โต ของคนเฮาสูมื่อนี่ดอกมีล้นดอกอังหลาย ผมขอบอกน้องอ้ายเฮาต้องเพิ่งเด้อโตเองนี่แหล่ว เอาโตไผโตมันสิเพิ่งกันบ่มีได้ จงทำใจให้หนักแน่น อย่าคลอนแคลนเจ้าไหวหวั่น ล่ะเดียวนี่เขาไปเที่ยวฮอดดวงจันทร์ เฮาสิมัวต่ำต้อย ให้มันด้อย... อยู่เฮ็ดหยัง น้อล่ะนาย... ละหน่าม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คลังกลอนลำ
https://klornlam.blogspot.com/2015/05/blog-post_31.html
เต้ยธรรมดา
ชาย โอยน่อนาง การที่ลำนี่ละแม่นทางเต้ย เคยมานี่กะแม่นหลายอย่าง ทางเต้ยโขงผัดให้เว่ามาเข่านี่แม่ใส่กัน จังว่าหันทางข่างให้นางลำหนี่แม่นเว่าต่อ พอให้เห็นบ่อนเว่ามาเข่ากะแม่นใส่กัน นั่นละนานางหน่า นาผู้คีงกลมเอ่ย
หญิง โอจังหว่าพี่ชาย จังแม่นสาวนางลำ นี่บ่มีไผแหล่ว บ่มีแนวสิคิดต่อ คั่นแม่นคิดต่อไม่ไม่ก็เกิดเจ้าเป็นผี คิดต่อชายคนดีเขาก็เอาเจ้าเมียแล้ว คิดต่อไผนั่นก็บ่ได้สาวนางลำนี่บ่จักคู่ คิดต่อซู่อยู่บ้านคาวนั่นก็เลาซัง นี่ละนานวลหน่า นาผู้คิงกลมเอ่ย
เต้ยโขง
หญิง โอ้เพลินนั่นแสนเพลิน เพลินแสนเพลิน ที่ฉันเดินเที่ยวริมฝั่งโขง เหลียวดูฝั่งโขง โขงเอยช่างงามเร้าใจ สาวภูไทช่างงามเลิศตา บุญนำพาที่ได้มาเจอ มาเจออ้าย ชายงามเจ้าวาทคล่อง หนูอีนางนาฏน้องมาเห็นพี่เจ้าผู้ดี จังว่ามาเห็นพี่คนดีเจ้าวาทคล่อง หนูอีนางนาฏน้องมาร่วมฮวมพี่ซาย นี่ละนานวลหน่า จังว่าฟ้าฮ้องส่งอย่าหลงอย่าลืมกันเอ่ย
ชาย ลำเต้ยโขง ไปลงเรือเขมราฐ ลำเต้ยโขง ไปลงเรือเขมราฐ เสียงน้ำโตนตาดไปซาเลิน เลิ่น เลิน ยามกลางคืนจึงเดินเดิน นี่กะแม่นละน้อ เดินกะแม่นไปแล้ว สิเต้ยโขงกะเว่าต่าง สาวอีนางนั่นพ่อ เดินเข่ากะแม่นฮวมกัน อัศจรรย์ควมเว่านี่คนเฮานี่เกินมันต่าง ทางโขงนี่กะให้เว่า มาเข่ากะแม่นใส่กลอน ทางผาดอนหนี่หละน้อให่เว่า เอาไป๋กะแม่นหลายสิ่ง สาวผู้หญิงนั่นให้เว่า โตข่อยกะแม่นว่านำ จังว่ากรรมของข่อย กะจังมาลำนี่ละแม่นฟ้อนแอ่น อีกหมอแคนจังเต้ยมาเข่ากะแม่นควมกัน นั่นละนา ละนานางหน่า หนาผู้คีงบางเอ่ย...
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คลังกลอนลำ
https://klornlam.blogspot.com/2015/01/blog-post.html
กลอนลำล่อง ชีวิตชาวนา
ลำโดย ฉวีวรรณ ดำเนิน
"ชีวิตชาวนา" กลอนลำที่ยังคงถูกกล่าวถึงเสมอ แม้จะล่วงเลยมานานหลายสิบปี เป็นกลอนที่กล่าวถึงชีวิตของชาวนาอีสานที่ต้องประสบกับปัญหาต่างๆ คอยฟ้าคอยฝน ต้องเตรียมการต่างๆ ก่อนการทำนา กลอนลำนี้ประพันธ์โดย พ่อนุ่ม เย็นใจ มอบให้ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) ประจำปีพุทธศักราช 2536 นางฉวีวรรณ ดำเนิน เป็นผู้ลำ เชิญฟังม่วนๆ พร้อมกับเนื้อหาในกลอนลำได้แล้วครับ
ชีวิตชาวนา 1
โอ.... โอ๋ย ฟ้าเอ้ย ฟ้าฮ้องตึ้ง ข้ามเขาพึงไปเชียงใหม่ ตกมาฮอดคลองไผ่ ฟ้าเป็นสีครึ้มๆ หัวใจน้อง ห่วงแต่แฟน ห่วงแต่แฟน... อื้อๆ อือ... โอยละน่า เอออันนี่ละพ่อแม่เอย เมษายนกายไปแล้ว พฤษภาผัดมาต่อ ฝนตกลงจากๆ จ้น ใบหญ้ากะป่งมา พวกชาวนากะเตรียมไว้ทั้งไถกับคราด ฝั้นเชือกไว้สิไถดั้นว่าฮุดนา ฟังเสียงจาคนเฒ่า สูเอยฮอดมื้ออื่น พ่อเฒ่าจ้ำบอกลูกบ้านสิพาเลี้ยงเจ้าปู่ตา ให้สูหาเตรียมไว้เฮือนละโตเอาเด้อไก่ เบิ่งคางไก่คันมันซันที่ลี่ ปีนี้สิบ่ดี คันปีใด๋คางไก่โค้งยาวๆ คือเกี่ยว พ่อเฒ่าจ้ำบอกไว้ปีนั่นจั่งสิดี
มาเต็มทีแต่ผู้นาไกลบ้าน ผัวเมียเดียวเลี้ยงลูก... อ่อน ตื่นขึ้นมาผัวไปก่อน ไปไถนาคราดไว้ถ้าพอได้ละเคิ่งงาน แม่บักหำอยู่บ้านกะฟ้าวตื่นคือกัน เตรียมเอาฟืนมาดังไฟ เป่าฟูทั้งฟู่ เสียงวีไฟควันกุ้มในครัวลุกห่อมๆ กะบองก้อมเขี่ยไว้ เอาน้ำละใส่มวย น้ำฮวดแล้วเอาเข้าหม่ามาซาว สองมือจับหวดมาสุบหม้อ เสียงลูกออๆ ไห้ ไวไวกวยลูกแม่ พอลูกหลับแม่ผัดฟ้าวหาถ้วยข่องจอง ตักปลาแดกใส่ถ้วย เกลือตื่มแถมนำ สิได้ไปนาเซพ่อบักหำไปแล้ว เสียงเฮือนใกล้แซวๆ กะฟ้าวตื่น เอิ้นใส่กันพ่องเว้า... นั้นทังเฒ่า... ผ่องอาเฮ็ม ผ่องอาเฮ็ม... เอย... เฮย... อือม์... อือละน่า...
อันนี่ละพอเมื่อตาวันขึ้นสีมายๆ พอพุมพู่ บ่ากะหาบต่าได้ทั้งฟ่าวละพ่องเดิน มือหนึ่งอุ้มลูกน้อย ฟ่าวเล่งลงนา ผัวกะผัวทังโตกะผัดคอยกินข้าว เสร็จดีแล้ว ลงดำจ้าวไหว่ๆ แขนอู่ลูกน้อยไว้เสียงไห้กะส่างมัน มื้อเนี่ยงคั้นตมอยู่ในนา สวยมายมายแดดเผาทั้งฮ้อน คอบอยากมีนำบ้านชาวนาจั่งหน้าก่ำ หน้าดำๆ แม่นชาวนาเฮ็ดเลี้ยงพวกพี่น้อง คนเฒ่าจั่งเจริญ เผิ่นจั่งเอิ้นว่ากระดูกสันหลัง คันบ่มีชาวนาบ่ได้เป็นเมืองบ้าน พอจากเสร็จดำแล้วตาเว็นเจ้าค่ายค่ำ พ่อบักหำขึ้นเถาะเจ้า... สิดกกล้า แม่นแน่เด้อ แม่นแน่เด้อ.... อือ... อือม์... โอยละน่า
ชีวิตชาวนา 2
โอย... ฟ้าเอยฟ้าฮ้องค้อย เสียงโยนๆ ดังไกล เป็นหยังเด้สังบ่ไปฮ้องใกล้หัวคันไดพอให้น้องได้นอนห่ำ เสียงฟ้าฮ้องตื่มต้ำ สาวหมอลำคึดฮอดซู้ ได้หลงโอ้ โอบ่เซา.. โอบ่เซา... อือม์... อือ... โอ๋ โอ... โอ๋ละนา... เอออันนี้ ต่อจากนี้สิได้ลำต่อกลอนสอง สองผัวเมียทำนาส่อยกันละจนแล้ว พอแต่เสร็จดำแล้วตาเว็นค้ายค่ำ พ่อบักหำขึ้นเถาะเจ้า ดกกล้าไว้แหน่เด้อ ผัวว่าเอ้อ เมือก่อนสาตี้ ค่อยสิดกคนเดียว แม่อีนางเมือบ้าน พอจาแล้วเตรียมเอาถ้วยบ่วง หาบกะต่าต่องต้อน กะทังอุ้มลูกนำ เสียงฟ้าฮ้องตุ้มต้ำฟ่าวย่างมาเฮือน เสียงฝนมามืดมัวเมาฟ้า นำคันนาคืนเมือบ้านเขียดจะนาฮ้องออบแอบ เหลียววอบแวบเบิ่งน้ำสิเป็นคลื่นจั่งทะเล...
มองมาบ้านเห็นโนนตาลมืดจุ่มกุ่ม เห็นแต่กอไผ่บ้านล่ายซ่ายใบหุ้มละห่อนำ ฟ้าวอย่างจ้ำเข้าป่าสอนลอน เสียงวอนวอนเรไรส่งเสียงแมงง่วง เห็นเป็นพวงตันหน้าหางนกยูงเหลืองอุ่ยหุ่ย เสียงคนคุยสิเข้าบ้านเย็นแล้วสิต่าวเมือ อุ้มลูกเต้าจูงหมู่งัวควย ฝนตกฮำเร่งไวไวเข้า ไวไวจ้าวเสียงฮือเชือกฟาด ควยบักเลผ่องตู้เด็กน้อยละขี่หลัง เสียงมะลึ่งตึ้งตั้งฝนไล่มาทัน ฝนตกลงเปียกปอนเต็มเปื้อน พอถึงเฮือนมือน้าวคันไดงับแงบ คันแม่นวางต่าไว้ สิเตียมสิ้น... แม่นเปลี่ยนแทน.. แม่นเปลี่ยนแทน... อือม์... อือ... โอ๋ โอ... โอ๋ละนา...
อันนี้ ผูกควยแม้ลูกหล้า อย่าสุให้มันหลุด ผักกะตูตีไลใส่กลอนให้มันแน่น แม่สิดังไฟถ้าเอาปลามาต้มป่น คันพ่อใหญ่ผู้อยู่บ้านอะฮือฮ้องละผ่องถาม น้ำบ่ท่วมบ่อีหล้าไฮ่ใหญ่กกสะแบง ดินบ่แข็งบ้ออีนางไฮ่แคมโพนนั้น เสียงถามกันเต็มบ้าน กลับจากนามืดพุมพู่ ถึงยามนอนพากันขดอีกู้ นอนแล้วกะบ่ตีง คันจั่งซี้เพิ่นจั่งว่าชาวนา ถึงเวลาสมควรสิต่าวลาเด้อค่า ผีสิลาเด้อค่า สิขอลาไปก่อน พวกพ่อเฒ่าแม่ลูกอ่อน หลานสิขอจากแล้ว คุณป้าละพ่องอา จักหน่อยนี้สิได้ย่างคอมมอม ไปคอมมอมดั่งกะปอมงอยไม้ หลานสิไลเมือบ้านหนองไหลคำมืดจุ่มกุ่ม เห็นแต่กอไผ่หุ้มสิเมือบ้าน แม่นก่อนเด้อ สิลาแล้วคู่สู่คน คู่สุคน อือม์... อือ... โอ๋ โอ... โอ๋ละนา...
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ประตูสู่อีสาน www.isangate.com
กลอนลำล่องลา
กลอนลำ ลา โดย หมอลำไข สิงโส และหมอลำสมภาร แสงแดง
กลอนลำ ลา
เบิดแต่ลำทางสันหั่นทางยาวจ้าวทางล่องลาเด้อพวกพี่น้อง คนเถ้าแก่การผมชิลาจากฮ้านคุ่มข่วงเวทีให้สุกขี้สุกขั่ง ผู้หนังฟังจนแจ้งจนว่าแสงตะวันขึ้นมานอมื่อใหม่ไก่กระขันโจน ๆ จวนแจ้งสว่างมา ผมขอลาไปแล้วศรัทธายาพ่อ ขอให้ตังใจรอรับผลบุญที่สางไว้คงสิได้แม่น สวนบุ่นเกิดมาชาติหน้าผุ้นสิได้รับผลทาน การที่เฮาทำบุญเพื่อไปพายชอย ผู้ทานหลายทานน้อยกระแล้วแต่ใจใส บ่มีไผขัดขี้ดแล้วแต่ใจของเจ้าคื่อเฮากินเข้าเฮากินกะเฮาอิ่ม บ่ห่อนไปอิ่มท้องเขาผุ่นผู้บ่กิน ทุกสิ่งชิ้นมันขึ้นอยู่กับใจ เงินที่เฮาทานไปเพื่อกุศลผายหน้า ผู้ทานสิบบาทห้าบาทถ่อใดกระบ่อว่า บุญสิมาช่อยยู้ชู้ขึ้นสูสะ แต่ว่ามื้อนี้ชิลาพ่อศรัทธา เถิงเวลาสมควรคาดคะเนเอาไว้ ไขสิลาลงฮ้านสถานลำคุ่มขวง ลาทั้งปวงใหญ่น้อยพวมขึ่นนุ่มคะหนอง ลาทังกอง บุญเจ้าผู้เน้านอนเฝ้าอยู่ ลาทั้งอุแอ่งน้ำกระบ่วยพ้อมสู่อันทุกสิ่งชั้นที่พวกท่านทำไป สาธุเด้อให้บุญไหลมาโฮ่มที่ดังใจหมายไว้อย่ามีเจ็บมีไข้หวัดไอหรื่อพระยาดได้ตัดขาดยาดแล้ว ให้หั่นเว้นหางไหก ขอให้ย่าพ่อได้มีแต่คำสุข หายจากโลคาทุกสิ่งใด๋ย่ามาต้องอันว่าเงินทองนั้นให้ไหลมาคื่อน้ำแก่งอย่าได้เขินขาดแหงแลง เช้าให้ลั่งไหลขอให้ย่าพ่อได้พบแต่ของดี ให้เจ้ามีแสนอังพอล้าน การที่ทำบุญสร้างอนิสงค์ให้ยู่ส่งให้คื่อองค์พระเจ้าคนไหว้ดอกนับถือ นับแต่มื้อสิได้หางบ่เห็นกัน ขอให้พันทะนั่งลักต่อกันเอาไว้ เสื่อหมอไขเด้อทาน คันมีงานให้ติดต่อคอยถ้ารอพวกท่านทางบ้าน ถ้ารับงานขอขอบคุณพวกท่านที่พวกท่านใจดี ให้เจ้ามีความสุขอยู่ยื้นยาวมั่นพรใด๋นั้นไขหมอลำบอกก่าวพวกอาอ้าวแม่ป้าชิลาแล้ว แม่นหางกันพวกที่อยู่ข้างนั้นนอนหลับบ่หรือใด๋ พวกอยู่ในกองบุญให้ตื่นมาสาเด้อเจ้า ลาก่อนเด้อคนเถ่าผู้เนานอนเผ้าอยู่ ลาก่อนเด้อคุณปู่ผู้เผินอยู่ข้างนั้นให้ยื้นมั่นแม่นมื่นปี
หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย) : นายไข สิงโส อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง) : นางสมภาร แสงแดง อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
หมอแคน: นายโม สุขแดง อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สารสนเทศท้องถิ่นอีสาน
https://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/musicsound/?p=783
กลอนลำเพลินเดินดง โดย หมอลำไข สิงโส และหมอลำสมภาร แสงแดง
กลอนลำเพลินเดินดง
พอคาวแล้วเดินดง ดันเหล่าหนีไปชมนกเป้าเขาขุ่มแขนแค จิบจาบแจ้กี้ก่างยางขาว ชาวฝูงสัตว์แว่เชากินน้ำยามแลงแล้วยุงแงวฮ้องก่อมฮ้องแล้วพื่อปีกพ้อมกวายพ้อนแก่งหาง สัตว์สิ่งช้างควายเถื่อนงัวปา ไลลาเห็นหมู่ลิงกังเค้า เอาตนเข้ามากินมากก๋าม มี่หมากขามหมากค้อหมากจ้อจ่อจี สัตว์ทั้งหลายหมู่นี้ฮ้องหม่วนอระชอนพอปานนอนเทิงแถนหมิ่งแมนเมื่องฟ้ายามาชั่นตุตสีดาฟ้าก่องเสียงใสจั่งค้องดังก้องทั่วดงไม้โคดโค้งต้นถี่ลำสูง มุงหนาทื่มมื่ดตาเต็มแน่น ตกไปในแดนนั้นฝาชั่นเกี่ยงหมึ่น ยามกางคื่น ได้ยินนกฮ่ำฮ้องสองข้างหว่าเขา เป้าป่าปังกดส่งเสียงใส เสียงเลไลอ่านคอนยามข่อนยามนอนนั้น เนื่องนั้นสัตว์ป่า นกกะบาตอดบ้งแมงไม้ไต่ตอม ลิงไต่ด้อมเต็นไต่สาขา เต็นพะหวาแนวลิงไต่โตนต้นตนเดียว อ้ายเห็นลิงวิ่งแหล่นเลียวเห็นดากแก่นด้าน ลิงเฒ่าไต่โตนโดดขึ้นเต็นตนพี่เลียวเห็นไวกว่าผูงกะเล็นไต่ตามคอนไม้ ไกลลิงเฒ่าเอาตนข้ามด่าน บาดนี้ฟานโห่ฮ้องกางด้าวเหล่ามองขี้แล้วฮ้องโหว่ ๆ เสียงฟานพ่อเห็นคนสะยานไปแล่นไวปานม้า แนวพาสาสัตว์เชื่อเหลื่อหลายมวนมากชากลาก เสียนดูเพียนป่าตะเคียนเหลียวเห็นต้นอี่เลี่ยนเลียนอยู่เป็นถันเป็นชุมไผชุมมันต่างกันผูงไม้ใจชายเต็นเห็นสัตว์แตกตื่น เสี่ยงอี่ลึกคึกคื้นดังก้องก่อมหู พวกอี้จู้จิบจาบลางเค็ตเห็นจนเส็ดเที่ยวดงคาวนั้น คื่อกันแท้กับสีทนหม่นป่านำเอาแก้วแก่นหล้ามะโนน้องรักหนี เห็นแต่ฟ้าที่ลี้จดจอดกับดินปื้น ภูผาป่าด่อยลงค้อยในดอยนั้น เนื่องนั่นสัตว์สิ่งมะหิงสาเตือนเต็นแล้วเหล่ากาย
หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย) : นายไข สิงโส อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง) : นางสมภาร แสงแดง อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
หมอแคน: นายโม สุขแดง อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สารสนเทศท้องถิ่นอีสาน https://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/musicsound/?p=781
ลำกลอนทางสั้น ประวัติภาคอีสาน โดย หมอลำฤทธิ์ ไกยกิจ และ หมอลำสว่าง เชื้อหงษ์
กลอนลำทางสั้นประวัติชาติแดนอีสาน
จักกล่าวเรื่องประวัติชาติแดนอีสาน พงศาวดานไทยแต่สมัยคราวกี้ ภาคอีสานเฮานี้มีอุบล ศรีสะเกษ ไผผู้มาก่อสร้างนามเค้าว่าจั่งได๋ มีประวัติบอกไว้จนฮอดเมืองสุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ราชสีมาพร้อมบันละหอมบานเห่นานาทามน้ำแก่ง บอกว้าแล่นแค้ง ๆ ปานล้อรถยนต์ พวกหมอลำใผบ่ทันใด๋คันกระสั่งย่าบึงสาบอกว่าคาเบิดคืนบ่มีใผสู่ ใผเรียนรู้ทีหลังให้ลำต่อ ให้หมอลำขี่ส่อรองเว้าต่อไป อีกหนึ่งใด๋ขอนแก่นสารคาม บ่ต้องถามเด้อคนสั่งสาสำเนียนิ่ง บอกว้าปานตุมกิ้งทันใจไวว่อง กาฬสินธุ์พนทอง ร้อยเอ็ดเจ็ดป่องเยี้ยมชาวเก้าแม่กระใด รอบรู้ได้ไปฮอดกาฬศัย หรือพิมายพายสงฆ์ หล่มเลยเรียนได้ เมืองหนองคายหนองข่อนเมืองอุดร ขอนแก่น อยากสมัครผู้แทนพุ้นละแหมเรื่องนี้คานั้นอย่าฝัน ภาคอีสานเฮานั้น มีสิบห้าสิบหกจังหวัด อธิบายให้ฟังชัดบ่ใด๋คาพอดี้ ผมสิขอใขซี้เมืองอุบลขึ้นก่อน นั้นเป็นดอนอู่เผิ่งคราวกี้ก่อนหลัง ท้าวคำผงเด้อผู้ตกแต่งตั้งพร้อมไผ่โยธา เจ้าพระยาสุรศรีกับมหากษัตริย์ศึก ใส่ประธานนามไว้ แต่ทีแรกว้าสิไปจัดตั้งแจระแมพื้นขุ่ม มันเป็นที่ราบลุ่มกะเลยฮ้างอย่าไป ท้าวก่ำได้อุบลราชคนสอง ทาวทิศพรม คนสามลูกหลานพระวอเจ้า ในราวสองพันสามร้อยยี่สิบสองต้องได้อ่าน ถ่านใด๋พาพวกพ้องไปตั้งอยู่ฝั่งมูล แก้วมรกตกะได้มาจากพุนแล้ว ชิงจากเวียงจันทน์ องค์สำคัญพิลึกมิ่งเมืองคูนค่ำ เจ้าพระยาทั้งห้าพระอินธาเอามาหล่อ ขอแก้วจากยักใด้เอาไว้หล่อหลอม พลพวกพ้องได้มาจากดอนมดแดง ใด๋มาแปลงเมืองอุบลให้ราบดีพีเกลี้ยง พอเมืองแปลงเสร็จเสี่ยง ให้คำผงขึ้นนั่ง จังใด๋ใส่ชื่อให้สัมไว้ว่าประทุมต่อจากนั้นเมืองอุบลกระจั่งฟุ้งฟูชื่อเจริญมา พระประทุมวงศา นั่งนองเป็นเจ้า คราวอุบลมาตั้งเป็นมณฑลขึ้นใหม่ มีข้าหลวงชั้นผู้ใหญ่มาปกครองสืบเนื่องเมืองบ้านต่อมา กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์เด้อเป็นผู้แก้วกล้าว่าราชการหลวง จั่งเอานามมาลงค่ายทหารเดี๋ยวนี้ เอานามชี่กระจายเสียงบอกพ่อสรรพสิทธิประสงค์ออกอากาศอยู่สู่เมื่อได้ยินบ้อแม่หนู โจ๋ไว้หนี่จะได้กล่าวส.ก.อย้านแต่หมอลำหญิงสิบ่เห็นคือพี่คำว้า ส.ก.นี้ กระคือเมืองศรีสะเกษ กระนายชมตั่วใด้มาสร้างบ่แม่นใผ แต่ก่อนได้กระขึ้นสู่เมืองขุขันธ์แต่บ่ทันเป็นเมืองดั่งสมัยเดียวนี้ ยังมีบ้านพันชาแต่ก่อน มีหมู่บ้านสองตอนบ้านเจียอีหนึ่งคุ้มเคียงข้างบ่ห่างกัน ไกลตลาดเหนือนั้นใด๋บ้านเก่าพันชา ใด๋มาแปลงเป็นเมืองยุบลงนามบ้าน จั่งขนานนามเอิ้นเป็นเมืองศรีสะเกษคันเนตรฆ่าน้องเห็นตั้งแต่หัว ใส่ชื่อให้ศรีสะเกษตามศัพท์ ผมสิคัณณานับอ่านพอฟั่งใด้ ฟังไปหน่าเมืองุรินทร์บ่อนไห่ไล่ ตามสายรถไฟอยากรู้ว่าผู้สร้างสุรินทร์ขึ้นแต่นาน เดิมเป็นบ้านเรียกชื่อคูประทายขยายเป็นเมืองสุรินทร์แต่สมัยปางนั้น บาดนี้หันมาเว้า บุรีรัมย์ทีสี่มันเป็นที่ราบลุ่มเมืองสร้างตั้งแต่ดนมีผู้คนพบสิ่งสำคัญ มีด ขวาน ของโบราณแต่ก็เป็นหินล้วน ควรสิสันนิฐานได้กายมาแต่หลายหุ่น แต่สมัยหินปูนคนอาศัยป่าไม้บ่มีบ้านดั่งทุกวัน แต่ก่อนนั้นกระขึ้นสู่นางรอง เดียวนี้เป็นอำเภอยุบลงนามบ้าน จั่งขนานนามขึ้นบุรีรัมย์อย่างว่า ใด๋สิคาสำนี้ถามนอยบ่หลาย ย้ายจากหนี่นครราชสีมา เผิ่นว้าตาพานคอนราชสีมาหั่นจั่งได้พากันเอิ้นเป็นนามถ่วนถี่ ผู้หนึ่งว้าจั่งซี่สิจริงแท้บ่อนจั่งใด๋ แต่หนังสือวรรณคดีบอกไว้ คำว้าราชะนีใด๋กว้างใหญ่ไพสาร จนใด้เป็นมณฑลพร้อมอุบลทางนี้ สีมานั้นแปลนามว่าขอบเขตตั้งเป็นเมืองเอกแท้สมัยนั้นฝ่ายเหนือ เลยแต่งตั้งขุนคะนะกรรมการแต่สมัยกรุงธนนั่งเนาเมืองนี้ มีเมืองนำมาขึ้นมณฑลโคราช บดสร้างทางรถแล้วเจริญขึ้นว่องไว บาดนี้ใด้สิลำไล่ชัยภูมิ เห็นจะเป็นเมืองขอมแต่สมัยคราวกี้เพราะว้ามีรอยสร้างหักพังอยู่หลายอย่าง มีฮอดปรางกู่ฮ้างเพถิ่มอยู่หลาย ตั้งแต่ก่อนสมัยเวียงโยกย้ายขึ้นสู่กรุงศรีพอเมื่อถึงฤดูปีกระส่งของกันเลื้อย เลยมาเห็นสถานที่ชัยภูมิราบเลยรวมกลุ่มก่อสร้างเป็นบ้านด่านเมือง เรื่องแต่กี้มนุษย์ชาติลาวเวียง คือนายแลชาติลาวเวียงแท้ พาพลข้ามลำโขงมามาก นำเอาของส่งใช้ไทยเจ้าสู่ปี ชัยภูมินี้เป็นบ้านโนนน้ำอ้อมแต่ก่อนหัวที พอดีแปลงเป็นเมืองปากกันไปหั่น กระบ่อไกลกันช้ำกับโนนบ้านเก่า นายแลเป็นผู้เฒ่าเอาเพื่อนส่วนการ มีอยู่หกหมู่บ้านในเขตชัยภูมิเจ้ากรุงศรีเลยประธานนายแลเปลี่ยนนามลงให้ลงนามไว้นายแลเปลี่ยนใหม่ พ่อมัดดีชุมพลแลบอกไว้นามเพิ้นส่งเสริม เริ่มจากหั่นกระถึงแก่ความตาย เลยมาทำอนุสรณ์อยู่ฝั่งหนองปลาเฒ่า ตั้งขึ้นเป็นศาลเจ้าพระยาแลตนพ่อ เอาเถาะนอซ่ำนี้เมืองหน่าสิต่อไป บาดนี้ได้สิลำไล่กาฬสินธุ์ เคยได้ยินไหมนายเรื่องราวคราวกี้ จังหวัดกาฬสินธุ์นี้กระเป็นเมืองเก่าแก่ แต่เจ้าสมมะมิตพันมาตั้งอยู่ฝั่งธน สมมะมิตอยู่ต้นคนผู้อยู่เวียงจันทน์ ได้มากันอุบย้ายข้ามโขงมาพี่ พอดีมากันยั่งอยู่ริมลำแม่น้ำก่ำ เลยมาทำก่อสร้างแปลงบ้านต่อไป สมมะมิตได้เลยแต่งนามกร เป็นพระยาไชยสุนทรนั่งกาฬสินธ์ซ่ำ ลำเมืองกาฬสินธุ์แล้วสิลำไปเมืองใหม่ เมืองร้อยเอ็ดนี้กระได้เป็นบ้านเก่าหลัง ตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาลไกล มันเป็นเมืองศรีวิลัยหรื่นเขาคราวกี้ จนได้มีเมืองขึ้นร้อยเอ็ดเมืองเผิ่นว่าในรายร้อยปีกว่าศักราชล่วงได้ไทยเจ้าหุ่งเฮือง มีกษัตริย์สืบเนื่องนับเบิ่งย่มีไหว แต่สมัยพุทธกาลมีพระยากุรุนทรนั่งปองเป็นเจ้า ร้อยหัวเมืองมาเข้าขอยอมขึ้นส่วนบ่ได้มีต่ำต้อยจนตั้งพระนคร หลัง ๆ มาภัยพิบัติเหรือดร้อนเมืองแตกสลายหนี มันบ่จักจักปีแต่เกิดเป็นเมืองฮ่าง มันเป็นเมืองนานล้ำปลางปฐมพระเจ้าหงึ่ม แต่สมัยปู่พื้มจนหาเรื่องบ่อต่อกัน
หมายเหตุ : กลอนลำอาจไม่ตรงกับเสียงที่หมอลำร้อง อาจเปลี่ยนไปตามลีลาของหมอลำแต่ละคน
หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย) : นายฤทธิ์ ไกยกิจ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง) : นายสว่าง เชื้อหงส์ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/musicsound/?p=322
ลำกลอนโศกบอกบุญ โดย หมอลำใบ ไกยรัตน์ และหมอลำสำเภา พรมสวัสดิ์
กลอนโศกบอกบุญ
มาบัดนี้ผมจั๊กพรรณเรื่องเคื่องกลอนทรงโศกโลกเฮาบ่อเที่ยงหมั่นผันปี้นเปลี่ยนแปลงมีทั้งมมืดและแจ้งมีแข่งมีขา มีทั้งตาทั้งหูจมูกฟันสันคิ้ว คนเฮ้านี่ปิวอยู่คือใบไม้ลมมาก็ขูโหล่น ฝนตกก่ะว่หนาว แดดมาก่ะวาฮ้อนนอนได้กะเหมื่อยแดนโลกบ่อตั้งอยู่แหน่นเหมือนดังเขาสุเม็น เป็นผอม ๆ พี ๆ จ่อยโซโตล่า บางคนขาหักห่านคานไปไม้เท้าข่ม โลกเฮ้ากลมดังหมากพร้าวหนาวฮ้อนกอเหล่ามี เพราะเหตุนี่องค์ท่านพระโคดม เผิ่นจั่งอบรมคนให้ผ่ำเพียรศิลแก้ว ภาวะนาแล้วให้กินทานนำแหน่ พระเจ้าแนะบอกให้ทางยู้สุ่สวรรค์ องค์พระโคดมนั้นหน้าเคารพเหลือเกินเอิ้นเป็นคนมีริธท์เดชแฮงแขงกล้า พาเอาฝูงสัตว์ข่ามสงสารให้มัมฝั่ง สัตว์อยู่ใต้หลุ่มฟ้าสิเอาข่วมสู่ตัว พระองค์บ่อเกลือกกลั้ว ในโลกสงสาร หวังนิพพานแนวเดียวป่องทางขึ้นเมืองฟ้าขันหกขันห้าลาตุราธาตสี่ พระองค์ชินนะสีท่านหากตัดขาดแล้วเล้ยซ้ำบ่อหัวงใย กิเลศพันห่าใด้ตัดจากสันดาลต้นหามีแปดประการแถมร้อย พระองค์คอยตัดถิ่มเบิ้ดสู่แนวถ่วนถี่ บำเพ็ญบาระมีสามสิบทัดขึ้นไว้เป้นหมั่นแกนสาร ส่วนว่าท่านหากเป็นคนรู้แจ้งแทงตลอดปัจจุบรร อะนาคตอดีตเล็งแลได้ มองไปหลังทังไปหน้าปัจจุบันสอดส่อง แต่กองฟอนเจ้าของท่านก็ยังนับได้หลายล้นหลื่นประมาร กองฟอนท่านนับได้มากกว่าเม็ดหีนเม็ดทรายแท้ทังสี่ มหาสมุทร ท่านเป็นครูของมนุษย์หมู่อินทร์ พรม พร้อมนับว่าจิมก๋กโก้โพธิญาณดวงประเสริฐหาผู้เลิศกว่าท่านไปหั่นแหม่นบ่อมี ท่านกล่าวชี้ทางบาบทางบุญสอนทั้งคุณทังโณให้หมู่เฮ้าไปพ้นทสพลญาณเจ้าเป็นคนสอดส่อง สอนเจ้าของได้แล้วสอนท่านผู้อื่นนำ อย่าสิไปชอกช้ำปล้นทรัพย์ของเขา แต่ของเฮายังแพงให้ฮินตองดูบ้าง ให้เดินทางแปดเส้นสิเห้นคุณยิ่งใหญ่ พระเจ้าเทเทศไว้ในพื้นสาสนา เส่นหนึ่งนั้นแสดงอย่างบุคโลสัมมากรรมมันโต ให้ค่อยทำการงานชอบดีลุงป้า อย่าลักชั่วไปฆ่าหามมาเอ็ดส้มต่อน ผิดคำสอนพระเจ้าเฮ้านี้อย่ากระทำ เส่นสองนั้นเผิ้นแสดงบอกไว้ในบ่อนหนังสือโต คือสัมมาวายะโวนั้นก็ให้มีการเลี้ยงชีวิตตนทางชอบ อย่าประกอบบาบใบ้ขโมย ฮ้างฝ่ายโจร สัมมาสังกับโปนั้นให้เป็นคนดำริชอบ คิดประกอบเรียบร้อยสาแล้วจั่งกระทำสัมมาสตินั้นให้มีใจตั้งเที่ยงระรึกเบิ๊ดเกลี้ยง ๆ ไกลใกล้ให้ไต่ตอง สัมมาสมาธินั้นให้ตามครองพระเจ้าว่า ภาวะนาใจ้ ๆ ใจนั้นให้ชื่อตรง สงสารเดสงสารมูณีเจ้าพระโคดมผู่เกิดก่อน เหลือแฮงสอนพี่น้องเขานั้นบ่อเชื่อฟัง————ละน่า
หมอลำกลอน (ฝ่ายชาย) : นายใบ ไกยรัตน์ อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ
หมอลำกลอน (ฝ่ายหญิง) : นางสำเภา พรมสวัสดิ์ อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/musicsound/?p=900