
ปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย
ชื่อปราสาทสระกำแพงใหญ่ เป็นชื่อที่คนในสมัยปัจจุบันเรียกกัน ความจริงแล้วปราสาทหินเหล่านี้มีชื่อเรีกอันวิจิตรพิสดารซึ่งบรรพบุรุษผู้สร้างได้ตั้งขึ้น แต่เพราะเวลาที่ผ่านไปนาน และความรกร้างที่คืบคลานมาปกคลุมทำให้เราไม่อาจทราบชื่อที่แท้จริงของปราสาทได้ ดังนั้นจึงเรียกชื่อตามที่ตั้งหรือลักษณะทางกายภาพที่พบเห็น เช่น ปราสาทที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ และมีสระน้ำอยู่ใกล้ๆก็เรียกว่าปราสาทสระกำแพงใหญ่ชื่อปราสาทสระกำแพงใหญ่ เป็นชื่อที่คนในสมัยปัจจุบันเรียกกัน ความจริงแล้วปราสาทหินเหล่านี้มีชื่อเรีกอันวิจิตรพิสดารซึ่งบรรพบุรุษผู้สร้างได้ตั้งขึ้น แต่เพราะเวลาที่ผ่านไปนาน และความรกร้างที่คืบคลานมาปกคลุมทำให้เราไม่อาจทราบชื่อที่แท้จริงของปราสาทได้ ดังนั้นจึงเรียกชื่อตามที่ตั้งหรือลักษณะทางกายภาพที่พบเห็น เช่น ปราสาทที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ และมีสระน้ำอยู่ใกล้ๆก็เรียกว่าปราสาทสระกำแพงใหญ่
ปราสาทหินทรายสีขาวแซมด้วยอิฐแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 500 ปีที่แล้ว เพื่อเป็นเทวาลัยถวายแด่พระศิวะ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นวัดในศาสนาพุทธนิกายมหายานเมื่อ 200 ปีต่อมา ลักษณะเป็นปรางค์ 3 หลัง ศิลปะบาปวน ปรางค์องค์กลางก่อด้วยหินทรายแซมด้วยอิฐ ส่วนปรางค์ 2 องค์ที่ขนาบข้างเป็นปรางค์อิฐ ในสมัยโบราณจะตกแต่งปรางค์ทั้ง3ด้วยหินทรายแกะสลักความงดงามของปราสาทหินแต่ละหลังมักหลงเหลืออยู่ที่ทับหลัง ปราสาทสระกำแพงใหญ่ก็เช่นกัน ที่นี่มีหน้าบัน และทับหลังหินทรายแกะสลักเรื่องราวของเทพเจ้าในศาสนาพรามหณ์อย่างละเอียดลอองดงาม บริเวณเดียวกันนั้นมีวัดสมัยปัจจุบันตั้งอยู่ด้วยปราสาทหินทรายสีขาวแซมด้วยอิฐแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 500 ปีที่แล้ว เพื่อเป็นเทวาลัยถวายแด่พระศิวะ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นวัดในศาสนาพุทธนิกายมหายานเมื่อ 200 ปีต่อมา ลักษณะเป็นปรางค์ 3 หลัง ศิลปะบาปวน ปรางค์องค์กลางก่อด้วยหินทรายแซมด้วยอิฐ ส่วนปรางค์ 2 องค์ที่ขนาบข้างเป็นปรางค์อิฐ ในสมัยโบราณจะตกแต่งปรางค์ทั้ง3ด้วยหินทรายแกะสลักความงดงามของปราสาทหินแต่ละหลังมักหลงเหลืออยู่ที่ทับหลัง ปราสาทสระกำแพงใหญ่ก็เช่นกัน ที่นี่มีหน้าบัน และทับหลังหินทรายแกะสลักเรื่องราวของเทพเจ้าในศาสนาพรามหณ์อย่างละเอียดลอองดงาม บริเวณเดียวกันนั้นมีวัดสมัยปัจจุบันตั้งอยู่ด้วย